ผ้าเทอร์รี่ (Terry)
คืออะไร?
ผ้าเทอร์รี่เป็นผ้าที่มีลักษณะเป็นลูป (loop) หรือห่วง ยื่นออกมาเหมือนเป็นขนที่ตั้งขึ้นมา (pile) อย่างต่อเนื่องทั้งผืน โดยลูปนี้จะทำหน้าที่ซับน้ำได้ดี ยิ่งลูปมีความแน่น และยาวมากเท่าไหร่ ก็จะสามารถซับน้ำได้ดี และเนื้อผ้าจะมีความนุ่มมากขึ้นเท่านั้น
ความเป็นมาของ
ผ้าเทอร์รี่ (Terry)
ผ้าเทอร์รี่ถูกคิดค้นขึ้นในช่วงทศวรรษ 1840 คำว่า Terry สันนิษฐานว่ามาจากภาษาฝรั่งเศสคือว่า tiré ซึ่งแปลว่าดึง
ต่อมาผ้าเทอร์รี่ได้ถูกพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง จนในปี ค.ศ. 1848 อุตสาหกรรมจากประเทศอังกฤษสามารถทำให้ผ้ามีเนื้อละเอียดขึ้นจนได้เป็นผ้าขนหนูที่ผลิตจากเส้นไหม ต่อมาได้พัฒนาเป็นผ้าฝ้าย และมีการใช้อย่างแพร่หลาย
ในปัจจุบัน ผ้าเทอร์รี่ได้มีการใช้เส้นใยสังเคราะห์ต่างๆ ผสมเข้าไปด้วย โดยหนึ่งในเส้นใยที่นิยมใช้มากที่สุดคือ โพลีเอสเตอร์ (polyester) ซึ่งเส้นใยนี้ช่วยทำให้ผ้ามีความทนทานและยืดหยุ่น เมื่อเวลาโดนน้ำมากขึ้นกว่าเดิม
วิธีการถัก-ทอ
ผ้าเทอร์รี่ (Terry)
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าผ้าเทอร์รี่มีลักษณะเป็นห่วงหรือลูป อย่างต่อเนื่อง จึงดูเหมือนขนของผ้าตั้งขึ้นมาบนผืนผ้านั้นๆ ปัจจุบันผ้าเทอร์รี่สามารถขึ้นรูปได้หลายแบบ โดยแบ่งออกมาได้ 2 ประเภท คือ
ทอ
โดยการทอที่นิยมและเก่าแก่มากที่สุด คือการวางเส้นด้าย 2 ทิศเข้าด้วยกัน จากแนวดิ่ง (warp) และแนวนอน (weft) โดยจะใช้เครื่องโรลเลอร์ 2 เครื่อง (warp beam) ม้วนเส้นด้ายเข้าไป เครื่องหนึ่งจะสร้างฐานในการถักทอของผ้า และอีกเครื่องจะทำการสร้างห่วงหรือลูปให้ยื่นขึ้นมาจากฐาน ซึ่งลูปเหล่านี้จะช่วยในการซึมซับน้ำ และทำให้ผ้ามีความนุ่ม อีกทั้งยังทำให้โครงสร้างทั้งหมดเกี่ยวกัน มีความแข็งแรงทนทาน ลดโอกาสการเกิดด้ายรันได้ยากขึ้น
ถัก
โดยจงสถิตย์ใช้เทคนิคการถักผ้าแบบ Circular knit หรือการถักแบบถุงกลม จะประกอบด้วยเส้นด้าย 2 ส่วน คือ เส้นด้ายพื้น และเส้นด้ายขน ถักเข้าไปในเครื่องถักเป็นวงกลม ออกมาเป็นห่วง (loops) โดยจะมีความยืดหยุ่น ตัวห่วงทำให้ซึมซับน้ำได้ดีและมีสัมผัสนุ่มในตัว
ผ้าเทอร์รี่ (Terry)
แบ่งได้
2 ชนิด
Terry Cloth
(ผ้าขนหนู)
French Terry
(ผ้าเกล็ดปลา)
คือผ้าที่มีลักษณะขน
เป็นห่วงทั่วผืน แบ่งเป็น
ผ้า เทอร์รี่ 1 ด้าน และ
เทอร์รี่ 2 ด้าน
เทอร์รี่ 1 หน้า
มีลักษณะเป็นขนลูป ขึ้นมา 1 ด้าน ส่วนอีกด้าน เรียกด้านพื้น มีลักษณะ เรียบเมื่อนำด้านพื้นมาขูดขนเบาๆ จะได้ผ้าที่มีน้ำหนักเบา สัมผัสเนียนนุ่ม คล้ายผ้าฟลีสทำให้ผ้าผืนเดียว มี 2 ผิวสัมผัสเหมาะสำหรับนำไปผลิต เป็นผ้าคลุมที่ให้สัมผัสนุ่ม เบา และไม่ร้อนจนเกินไป
เทอร์รี่ 2 หน้า
มีลักษณะขนเป็นห่วงทั้ง 2 ด้าน ทั่วทั้งผืน เป็นผ้าที่พบเห็นได้บ่อย มากที่สุด คนไทยมักเรียกผ้าเทอร์รี่ ชนิดนี้ติดปากว่า
”ผ้าขนหนู” นิยมนำมาผลิตเป็นผ้าขนหนู ผ้าห่ม เสื้อคลุมอาบน้ำและพรม ที่ใช้ในห้องน้ำ นอกจากนี้ยังเหมาะ นำไปผลิตเป็นเสื้อผ้าให้กับเด็ก หรือเป็นชุดลำลอง ทั่วไปอีกด้วย
หรือคนไทยรู้จักในชื่อว่าผ้าเกล็ดปลา
จะต่างจากผ้าเทอร์รี่ดั้งเดิมตรงที่
มีขนสองด้านไม่เหมือนกัน
โดยด้านหนึ่งเนื้อผ้าจะเรียบ
และอีกด้านจะมีลักษณะขนเป็นห่วง
คล้ายเกล็ดปลาทั่วทั้งผืน 1 ด้าน
ผ้าเกล็ดปลา
โดยทั่วไปนิยมนำไปผลิต ชุดลำลองที่สวมใส่สบาย สามารถใส่ได้ทั้งในและนอกบ้าน เช่น กางเกงวอร์มแฟชั่น เสื้อกันหนาว
เสื้อสเวตเตอร์ หรือเสื้อผ้ากีฬา
ผ้าเกล็ดปลา ได้รับความนิยมเนื่องจาก สามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย เมื่อนำไปตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าจะได้ชุดที่มีความคงรูปสวยงาม สามารถสวมใส่ ทั้งในอากาศร้อนและเย็น ให้ความรู้สึกสบายขณะสวมใส่
ผ้าเทอร์รี่
เป็นผ้ายอดนิยมสำหรับคนทุกไลฟ์ไตล์
ตั้งแต่ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม ไปจนถึง เครื่องนุ่งห่ม ด้วยคุณสมบัติที่เป็นผ้าที่มีน้ำหนักปานกลาง ไม่เบาหรือหนักจนเกินไป ผ้าเทอร์รี่จึงเหมาะที่จะนำมาใช้ ในชีวิตประจำวันของทุกคน